|
ปีใหม่แล้วเอาสิ่งดี ๆ มาฝากกันครับ | |
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้ตรัสถึงบทพระอาการวัตตาสูตรว่า อานิสงส์ดังนี้ พระอาการะวัตตาสูตรนี้ ผู้ใดท่องได้ใช้สวดมนต์ปฏิบัติได้เสมอ มีอานิสงส์มากยิ่งนักหนา แม้ปรารถนา พระพุทธภูมิ พระปัจเจกภูมิ พระอัครสาวกภูมิ พระสาวิกาภูมิ จะปรารถนามนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ ก็ส่งผลให้ได้สำเร็จสมความปรารถนาทั้งนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้เป็นพระพุทธเจ้า มีปัญญามากเพราะเจริญพุทธมนต์บทนี้ ถ้าผู้ใดปฏิบัติได้ เจริญได้ทุกๆวัน จะเห็นผลความสุขเกิดขึ้นเอง ไม่ต้องมีผู้อื่นบอกอานิสงส์ แสดงว่าผู้ที่เจริญพระสูตรนี้ครั้งหนึ่ง จะคุ้มครองภัยอันตราย 30 ประการ ได้ 4 เดือน ( คือภัยอันเกิดแต่ งูพิษ สุนัขป่า สุนัขบ้าน โคบ้าน และโคป่ากระบือบ้าน และกระบือเถื่อนพยัคฆะ หมู เสือ สิงห์และ ภัยอันเกิดแต่คชสารอัสดรพาชี จตุรงคชาติของพระราชาผู้เป็นจอมของนรชนภัยอันเกิดแต่น้ำ และเพลิง เกิดแต่มนุษย์ และอมนุษย์ ภูตผีปิศาจ เกิดแต่อาชญาของแผ่นดิน เกิดแต่ยักษ์กุมภัณฑ์และคนธรรพ์อารักขเทวดา เกิดแต่มาร ๕ ประการที่ผลาญให้วิการต่าง ๆเกิดแต่วิชาธรผู้ทรงคุณวิทยากร และภัยที่จะเกิดแต่มเหศวรเทวราชผู้เป็นใหญ่ในเทวโลกรวมเป็นภัย ๓๐ ประการ) ผู้ใดเจริญพระสูตรนี้อยู่เป็นนิจ บาปกรรมทั้งปวงก็จะไม่ได้ช่องหยั่งลงสู่สันดานเว้นแต่กรรมเก่าตามมาทันเท่านั้น ผู้ใดอุตสาหะตั้งจิตตั้งใจเล่าเรียน ได้ใช้สวดมนต์ก็ดี บอกเล่าให้ผู้อื่นเลื่อมใสก็ดี เขียนเองก็ดี กระทำสักการะบูชา เคารพนับถือพร้อมทั้ง ไตรทวารก็ดี ผู้นั้นจะปรารถนาสิ่งใดก็จะสำเร็จทุกประการ ท่านผู้มีปรีชาศรัทธาความเลื่อมใส จะกระทำซึ่งอาการะวัตตาสูตร อันจะเป็นที่พักผ่อนพึ่งพาอาศัยในวัฎฎะกันดาร ดุจเกาะแลฝั่งเป็นที่อาศัยแห่งชนทั้งหลายผู้สัญจรไปมาในชลสาครสมุทรทะเลใหญ่ฉะนั้น อาการะวัตตาสูตรนี้ พระพุทธเจ้า28 พระองค์ที่ปรินิพพานไปแล้วก็ดี พระตถาคตพุทธเจ้าของเราปัจจุบันนี้ก็ดี มิได้สละละวางทิ้งร้างให้ห่างเลยสักพระองค์เดียว ได้ทรงเจริญรอยตามพระสูตรนี้มาทุกๆพระองค์ จึงมีคุณานุภาพยิ่งใหญ่กว่าสูตรอื่น ไม่มีธรรมอื่นจะเปรียบให้เท่าถึง เป็นธรรมอันระงับได้โดยแท้ ในอนาคตกาล ถ้าบุคคลใดทำปาณาติบาต คือ ปลงชีวิตสัตว์ให้ตกถ่วงไป เป็นวัชชกรรมที่ชักนำให้ไปปฏิสนธิในนรกใหญ่ทั้ง 8 ขุม คือ สัญชีพนรก กาฬสุตตนรก สังฆาฏนรก โรรุวนรก มหาโรรุวนรก ตาปนรก มหาตาปนรก อเวจีนรก เปรต อสุรกาย เดรัจฉานกำเนิดไซร้ ถ้าได้ท่องบ่นจำจนคล่องก็จะปิดบังห้ามกันไว้ไม่ให้ไปสู่ทุคติกำเนิดก่อนโดยกาลนาน 90 แสนกัลป์ ผู้นั้นระลึกตามเนื่องๆก็จะสำเร็จ ไตรวิชชา และ อภิญญา 6 ประการ ยังทิพจักษุญานให้บริสุทธิ์ ดุจองค์มเหสักกเทวราช มีอาการรีบร้อนออกจากบ้านไป จะไม่อดอาหารในระหว่างทางที่ผ่านไป จะเป็นที่พึ่งพาอาศัยแห่งชนทั้งหลายในเรื่องเสบียงอาหาร ภัยอันตราย ศัตรูหมู่ปัจจามิตร ไม่อาจจะมาครอบงำย่ำยีได้ นี่เป็นทิฏฐธรรมเวทนียานิสงส์ปัจจุบันทันตาในสัมปรายิกานิสงส์ที่จะเกื้อหนุนในภพเบื้องหน้านั้น แสดงว่าผู้ใดได้พระสูตรนี้ เมื่อสืบขันธะประวัติในภพเบื้องหน้า จะบริบูรณ์ด้วยโภคสมบัติ หิรัญรัตนมณีเหลือล้น ขนขึ้นรักษาไว้ที่เรือน และที่คลังเป็นต้นประกอบด้วยเครื่องอลังการวิภูษิตพรรณต่างๆ จะมีกำลังมากแรงขยันต่ออยุทธนาข้าศึก ศัตรูหมู่ไพรีไม่ย่อท้อ ทั้งจะมีฉวีวรรณผ่องใสบริสุทธิ์ดุจทองธรรมชาติ มีจักษุประสาทรุ่งเรืองงามไม่วิปริตแลเห็นทั่วทิศซึ่งสรรพรูปทั้งปวง และจะได้เป็นพระอินทร์ปิ่นพิภพดาวดึงส์อยู่ 36 กัลป์ โดยประมาณ และจะได้เป็น บรมจักรพรรดิราชผู้เป็นอิสระในทวีปใหญ่ 4 ทวีปน้อย 2000 เป็นบริวาร นานถึง 36 กัลป์ จะถึงพร้อมด้วยประสาทอันแล้วไปด้วยทองควรจะปรีดา บริบูรณ์ด้วยแก้ว 7 ประการ ได้แก่ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว มณีแก้ว นางแก้ว ขุนคลังแก้ว ขุนพลแก้ว อันเป็นของเกิดสำหรับบุญแห่งจักรพรรดิราช จะตั้งอยู่ในสุขสมบัติโดยกำหนดกาลนาน ยังเวียนว่ายอยู่ในวัฏฏสงสาร อานิสงส์คงอภิบาล ตามประคองไป ให้มีปัญญาเฉียบแหลมว่องไวสุขุมละเอียดลึกซึ้ง อาจรู้ทั่วถึงอรรถธรรมด้วยกำลังปรีชาญาน อวสานที่สุดชาติก็จะได้บรรลุพระนิพาน อนึ่ง ถ้ายังไม่ถึง พระนิพานก็จะไม่ไปบังเกิดในอบายภูมิทั้ง 4 มี นรก เปรต อสุรกาย ดิรัจฉานกำเนิดและมหานรกใหญ่ทั้ง 8 ขุม ช้านานถึง 90 แสนกัลป์ และจะไม่ไปเกิดในตระ***ลหญิงจัณฑาลเข็ญใจ จะไม่ไปเกิดในตระ***ลมิจฉาทิฏฐิ จะไม่ไปเกิดเป็นหญิง จะไม่ไปเกิดเป็นอุภโตพยัญชนกอันมีเพศเป็น 2 ฝ่าย จะไม่ไปเกิดเป็นบัณเฑาะก์ เป็นกระเทย ที่เป็นอภัพพบุคคล บุคคลผู้นั้นเกิดในภพใดๆ จะมีอวัยวะน้อยใหญ่บริบูรณ์ จะมีรูปทรงสัณฐานงามดีดุจทองธรรมชาติ เป็นที่เลื่อมใสแก่มหาชน ผู้ใดทัศนาไม่เบื่อหน่าย จะเป็นผู้มีอายุคงทนจนถึงอายุขัยถึงตาย จะเป็นคนมีศีล ศรัทธาธิคุณบริบูรณ์ ในการบริจาคทานไม่เบื่อหน่าย จะเป็นคนไม่มีโรคาพยาธิเบียดเบียน สรรพอันตรายความจัญไรภัยพิบัติ สรรพอาพาธที่บังเกิดเบียดเบียนกาย ก็จะสงบระงับดับคลายลงด้วยคุณานิสงส์ ผลที่ได้สวดมนต์ ได้สดับฟังพระสูตรนี้ ด้วยประสาทจิตผ่องใส เวลามรณสมัยใกล้จะตายจะไม่หลงสติ จะดำรงไว้ในทางสุคติ เสวยสุขสมบัติตามใจประสงค์ นรชนผู้ใดเห็นตามโดยชอบ ซึ่งพระสูตรอันเจือปนด้วยพระวินัยปรมัตถ์ มีนามบัญญัติชื่อว่า อาการะวัตตาสูตร มีข้อความดังได้แสดงมาด้วยประการฉะนี้ จบอานิสงส์สังเขป ขึ้นต้นพระคาถาอาการวัตตาสูตร เอวัมเม สุตัง เอกัง สะมะยัง ภะคะวา ราชะคะเห วิหะระติ คิชฌะ***เฎ ปัพพะเต เตนะ โข ปะนะ สะมะเยนะ สัพพะสัตตานัง พุทธะคุโณ ธัมมะคุโณ สังฆะคุโณ อายัสมา อานันโท อะนุรุทโธ สารีปุตโต โมคคัลลาโน มะหิทธิโก มะหานุภาเวนะ สัตตานัง เอตะทะโวจะฯ พระคาถาอาการวัตตาสูตร อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง อิติปิ โส ภะคะวา สัมมาสัมพุทโธ อิติปิ โส ภะคะวา วิชชาจะระณะสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา สุคะโต อิติปิ โส ภะคะวา โลกะวิทู อิติปิ โส ภะคะวา อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ อิติปิ โส ภะคะวา สัตถาเทวะ มะนุสสานัง อิติปิ โส ภะคะวา พุธโธ อิติปิ โส ภะคะวา ภะคะวาติฯ (พุทธะคุณะวัคโค ปะฐะโม) วรรคที่ 1 อิติปิ โส ภะคะวา อภินิหาระ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อุฬารัชฌาสะยะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ปะณิธานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา มะหากะรุณา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ปะโยคะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ยุติ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ชุตติ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา คัพภะโอกกันติ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา คัพภะฐิติ ปาระมิสัมปันโน (อภินิหาระวัคโค ทุติโย) วรรคที่ 2 อิติปิ โส ภะคะวา คัพภะวุฏฐานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา คัพภะมะละ วิระหิตะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อุตตะมะชาติ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา คะติ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อภิรูปะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา สุวัณณะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา มะหาสิริ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อาโรหะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ปะริณาหะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา สุนิฏฐะ ปาระมิสัมปันโน (คัพภะ วุฏฐานะวัคโค ตะติโย) วรรคที่ 3 อิติปิ โส ภะคะวา อะภิสัมโพธิ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา สีละขันธะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา สะมาธิขันธะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ปัญญาขันธะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ทะวัตติงสะ มะหาปุริสะ ลักขะณะ ปาระมิสัมปันโน (อะภิสัมโพธิวัคโค จะตุตโถ) วรรคที่ 4 อิติปิ โส ภะคะวา มะหาปัญญา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ปุถุปัญญา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา หาสะปัญญา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ชะวะนะปัญญา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ติกขะปัญญา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา นิพเพธิกะปัญญา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ปัญจะจักขุ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อัฏฐาระสะพุทธะกะระ ปาระมิสัมปันโน (มะหาปัญญาวัคโค ปัญจะโม) วรรคที่ 5 อิติปิ โส ภะคะวา ทานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา สีละ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา เนกขัมมะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ปัญญา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา วิริยะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ขันติ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา สัจจะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อะธิษฐานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา เมตตา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อุเบกขา ปาระมิสัมปันโน (ปาระมิวัคโคฉัฏโฐ) วรรคที่ 6 อิติปิ โส ภะคะวา ทะสะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ทะสะอุปะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ทะสะปะระมัตถะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา สะมะติงสะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ตังตังฌานะฌานังคะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อะภิญญาณะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา สะติ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา สะมาธิ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา วิมุตติ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา วิมุตติญานะ ปาระมิสัมปันโน (ทะสะปาระมิวัคโค สัตตะโม) วรรคที่ 7 อิติปิ โส ภะคะวา วิชชาจะระณะ วิปัสสะนา วิชชา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา มะโน มะยัทธิวิชชา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อิทธิวิชชา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ทิพพะโสตะวิชชา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ปะระจิตตะวิชชา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ปุพเพนิวาสานุสสะติวิชชา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ทิพพะจักขุวิชชา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา จะระณะวิชชา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา วิชชา จะระณะธัมมะ วิชชา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อะนุปุพพะวิหาระ ปาระมิสัมปันโน (วิชชาวัคโค อัฏฐะโม) วรรคที่ 8 อิติปิ โส ภะคะวา ปะริญญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ปะหานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา สัจฉิกิริยา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ภาวะนา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ปะริญญาปะหานะสัจฉิกิริยาภาวะนา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา จะตุธัมมะสัจจะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ปะฏิสัมภิทาญานะ ปาระมิสัมปันโน (ปะริญญาณะวัคโค นะวะโม) วรรคที่ 9 อิติปิ โส ภะคะวา โพธิปักขิยะธัมมะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา สะติปัฏฐานะปัญญา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา สัมมัปปะธานะปัญญา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อิทธิปาทะปัญญา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อินทรียะปัญญา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา พะละปัญญา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา โพชฌังคะปัญญา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อัฏฐังคิกะมัคคะธัมมะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา มะหาปุริสะสัจฉิกิริยา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อะนาวะระณะวิโมกขะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัตตะผะละวิมุตติ ปาระมิสัมปันโน (โพธิปักขิยะวัคโค ทะสะโม) วรรคที่ 10 อิติปิ โส ภะคะวา ทะสะพะละญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ฐานาฐานะญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา วิปากะ ญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา สัพพัตถะคามินีปะฏิปะทาญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา นานาธาตุญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา นานาธิมุตติกะญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อินทรียะ ปะโรปะริ ยัตติญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา นิโรธวะวุฏฐานะญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ฌานาทิสังกิเลสาทิญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ปุพเพนิวาสานุสสะติญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา จุตูปะปาตะญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อาสะวักขะยะญานะ ปาระมิสัมปันโน (ทะสะพะละญานะวัคโค เอกาทะสะโม) วรรคที่ 11 อิติปิ โส ภะคะวา โกฏิสะหัสสานัง ปะโกฏิ สะหัสสานัง หัตถีนังพะละธะระ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ปุริสะโกฏิ ทะสะสะหัสสานัง พะละธะระ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ปัญจะจักขุ ญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ยะมะกะญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา สีละคุณะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา คุณะปาระมิสะมาปัตติ ปาระมิสัมปันโน (กายะพะละวัคโค ทะวาทะสะโฒ) วรรคที่ 12 อิติปิ โส ภะคะวา ถามะพะละ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ถามะพะละญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา พะละ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา พะละญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ปุริสะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อะตุละยะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อุสสาหะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา คะเวสีญานะ ปาระมิสัมปันโน (ถามะพะละวัคโค เตระสะโม) วรรคที่ 13 อิติปิ โส ภะคะวา จะริยา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา จะริยาญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา โลกัตถะจะริยา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา โลกัตถะจะริยาญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ญาตัตถะจะริยา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ญาตัตถะจะริยาญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา พุทธะจะริยา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา พุทธะจะริยาญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ติวิธะจะริยา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ปาระมิอุปะปาระมิปะระมัตถะ ปาระมิสัมปันโน (จริยาวัคโค จะตุททะสะโม) วรรคที่ 14 อิติปิ โส ภะคะวา ปัญจุปาทานักขันเธสุ อะนิจจะ ลักขะณะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ปัญจุปาทานักขันเธสุ ทุกขะ ลักขะณะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ปัญจุปาทานักขันเธสุ อะนัตตะ ลักขะณะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อายะตะเนสุ ติลักขะณะญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อัฏฐาระสะธาตสุ ติลักขะณะญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา วิปะริณามะลักขะณะ ปาระมิสัมปันโน (ลักขะณะวัคโค ปัณณะระสะโม) วรรคที่ 15 อิติปิ โส ภะคะวา คะตัฏฐานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา คะตัฏฐานะญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา วุสิตะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา วุสิตะญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา สิกขา ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา สิกขาญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา สังวะระ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา สังวะระญานะ ปาระมิสัมปันโน (คะตัฏฐานะวัคโค โสฬะสะโม) วรรคที่ 16 อิติปิ โส ภะคะวา พุทธะปะเวณิ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา พุทธะปะเวณิญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ยะมะกะปาฏิหาริยะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา ยะมะกะปาฏิหาริยะญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา จะตุพรัมมะวิหาระ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อะนาวะระณะญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา อะปะริยันตะญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา สัพพัญญุตะญานะ ปาระมิสัมปันโน อิติปิ โส ภะคะวา จะตุวีสะติโกฏิสะตะวะชิระญานะ ปาระมิสัมปันโน (ปะเวณิวัคโค สัตตะระสะโม) วรรคที่ 17 | |
ผู้ตั้งกระทู้ หนุ่มรัตติกาล :: วันที่ลงประกาศ 2006-12-22 05:32:28 IP : 202.57.139.125 |
[1] |
ความคิดเห็นที่ 1 (752965) | |
ขอบคุณค่ะ | |
ผู้แสดงความคิดเห็น Admin วันที่ตอบ 2006-12-26 12:40:09 IP : 203.118.123.254 |
ความคิดเห็นที่ 2 (1045987) | |
เป็นสิ่งที่ดีครับ เพราะภพภูมินี้สั้นนัก หากยังหลงอยู่ติดอยู่กับสิ่งหลอกลวง เมื่อหันหน้าเข้าเชิงตะกอน จะมองกลับหลังเพื่อสร้างสิ่งต่างๆอีก ก็คงไม่ได้ หมั่นทำบุญกันครับ สาธุ..สาธุ.สาธุ . | |
ผู้แสดงความคิดเห็น ปองศักดิ์ ศรีบัว วันที่ตอบ 2007-07-12 09:19:15 IP : 61.47.18.194 |
[1] |
Copyright © 2010 All Rights Reserved. |
Visitors : 191896 |