.
ขุนดาบเมืองสองแคว
ณ กรุงศรีอโยธยาในเพลานี้ มีพระมหากษัตริย์พระนามว่า พระรามาธิบดีที่ 2 เป็นผู้ปกครองดูแลทำนุบำรุงเหล่าอาณาประชาราษฎ์ให้อยู่ดีกินดี แต่ในกาลต่อมาพระองค์ทรงเสด็จสู่สวรรณคาลัย พระบรมราชาหน่อพุทธางค์กูลจึงเสด็จขึ้นเสวยราชสมบัติแทน ซึ่งในรัชสมัยของพระองค์นั้น ได้เกิดมีโรคไข้ทรพิษระบาดหนัก ประชาชนล้มตายเป็นจำนวนมาก ต่อมาพระองค์ก็ทรงพระประชวรด้วยพระโรคนี้และเสด็จสู่สวรรณคาลัย ราชสมบัติจึงสืบทอดมาสู่พ่อเจ้าอยู่หัวหน่อพุทธเจ้าซึ่งในขณะนั้นพระองค์ยังทรงพระเยาว์นักแลมิรู้เดียงสาเท่าใด พระบรมราชชนนี(เรือง)พระมารดาในพ่อเจ้าอยู่หัวจึงทรงแต่งตั้งให้บิดาของพระองค์ขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการ ก่อให้เกิดความทุกข์ยากต่อเหล่าอาณาประชาราษฎ์เป็นอย่างยิ่ง ด้วยเพราะต้องจ่ายอัฐในปริมาณเพิ่มสูงขึ้นในการซื้อข้าวของต่างๆเพื่อดำรงชีพ
ต่อมาพระไชยราชา พระโอรสองค์โตในพ่อเจ้าอยู่หัวหน่อพุทธรางค์กูล ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระเชษฐาในพ่อเจ้าอยู่หัวหน่อพุทธเจ้า ได้ทรงล่วงรู้ถึงความยากลำบากนี้ พระองค์จึงทรงยกไพร่พลจำนวนหนึ่งลงมาที่กรุงศรีอโยธยาแลสำเร็จโทษพ่อเจ้าอยู่หัวพระองค์น้อยทิ้งเสีย แลขึ้นครองราชย์สมบัติแทน และสถาปนาพระนางจิตรวดี(ซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่ของพระศรีสุริโยทัย)เป็นพระอัครมเหสี(หรือแม่เจ้าอยู่หัว)พระองค์ใหม่แทน ซึ่งในกาลต่อมาพระนางก็ทรงเสด็จสวรรคตลงหลังจากมีพระประสูติกาลพระโอรส พระนามว่า พระยอดฟ้า
ต่อมาท้าวศรีสุดาจันทร์(ธิดาในเชื้อวงศ์อู่ทอง) ที่ออกญาศรีเทพ เจ้าเมืองศรีเทพ(เชื้อวงศ์อู่ทองเฉกเดียวกัน)ได้ออกอุบายพาพระนางมาถวายให้เป็นพระสนมเอก ก็ทรงได้เลื่อนขึ้นเป็นแม่เจ้าอยู่หัว มีหน้าที่คอยอภิบาลพระยอดฟ้า ซึ่งในเพลาต่อมาพระนางก็ทรงมีพระประสูติกาลพระโอรส พระนามว่า พระศรีศิลป์
ต่อมาออกญาศรีเทพได้กราบทูลยุยงให้ท้าวศรีสุดาจันทร์คิดก่อกบสช่วงชิงพระราชสมบัติจาก(วงศ์สุพรรณภูมิ )คืนมา และสถาปนา(วงศ์อู่ทอง)ให้ขึ้นมามีอำนาจดังเดิม และนำพันบุตรศรีเทพ(บุญจันทร์) บุตรชายคนโตผู้ที่เชี่ยวในการขับกาพย์โคลงกลอนเข้ามาเป็นพราห์มเฝ้าหอพระฝ่ายใน โดยที่ท้าวศรีสุดาจันทร์ลอบเป็นชู้กับพันบุตรศรีเทพอย่างลับๆ ซึ่งต่อมาพันบุตรศรีเทพได้เลื่อนขึ้นเป็นขุนชินราช ในช่วงเพลาที่พระไชยราชาพร้อมด้วยทหารเอกคู่ใจ คือ ขุนพิเรนทรเทพ (มีศักดิ์เป็นพระญาติฝ่ายพระมารดาของพระองค์และพระศรีสุริโยทัย) ขุนอินทรเทพ หลวงศรียศยกทัพออกไปปราบปรามพวกพม่าข้าศึกเสียเป็นเพลานาน เมื่อพระองค์ทรงเสด็จคืนเมืองมาก็ทรงพระสุบินนิมิตร้าย พอรุ่งเช้าพระองค์จึงเรียกขุนอินทรเทพแลขุนพิเรนทรเทพเข้ามาถวายคำปรึกษา และในเพลาต่อมาพระไชยราชาก็ทรงเสด็จสู่สวรรณคาลัยเนื่องจากต้องยาพิษในน้ำนมโคด้วยฝีมือของท้าวศรีสุดาจันทร์ พระยอดฟ้าจึงเป็นผู้สืบทอดราชสมบัติแทน โดยมีพระเทียรราชา(พระอนุชาของพระบิดา)คอยถวายคำปรึกษา
ต่อมาท้าวศรีสุดาจันทร์ออกอุบายปล่อยข่าวลือใส่โทษพระเทียรราชาว่าส้องสุมไพร่พลเพื่อก่อการกบสช่วงชิงราชสมบัติจากพระราชนัดดา พระองค์จึงต้องทรงเสด็จออกผนวช ณ วัดราชประดิษฐานและ ต่อมาพระยอดฟ้าก็ทรงเสด็จสู่สวรรคาลัยเนื่องด้วยทรงต้องยาพิษในน้ำนมโคเฉกเดียวกัน หลังจากนั้นท้าวศรีสุดาจันทร์ทรงแต่งตั้งให้ขุนชินราชเข้าพิธีพระบรมราชาภิเษกเป็นพ่อเจ้าอยู่หัว พระนามว่า ขุนวรวงศาธิราชครองราชย์สมบัติแทน (แต่ในพงศวดารจารึกไว้ว่า ไม่นับขุนวรวงศาธิราชเป็นอีกรัชสมัยหนึ่งของกรุงศรีอยุธยา)
ต่อมาขุนพิเรนทรเทพผู้ซึ่งในขณะนั้นได้เลื่อนขึ้นเป็นออกญาเมืองพิษณุโลกสองแคว ได้ล่วงรู้ข่าวการเกิดทุรยุคในครั้งนี้ จึงเร่งเดินทางจากเมืองพิษณุโลกคืนกรุงศรีอโยธยาแลออกอุบายนำไพร่พล ออกสำเร็จโทษขุนวรวงศาธิราชแลท้าวศรีสุดาจันทร์ในขณะที่ทั้งสองพระองค์ทรงเสด็จทางชลมาศเลียบคลองสระบัวเพื่อขึ้นฝั่งไปคล้องช้างเผือกเป็นผลสำเร็จ ในการนี้มีขุนอินทรเทพ หลวงศรียศ แลหมื่นราชสเน่หาร่วมมือกันกำจัดทุรยุคไปจากแผ่นดิน ต่อมาพระเทียนราชาทรงลาจากการผนวช และเข้าสู่พิธีบรมราชาภิเษกเป็น พระมหาจักพรรค์สืบทอดราชบัลลังค์แห่งกรุงศรีอโยธยาสืบต่อมา
( ติดตามภาค ๒ ในเรื่อง มหาราชนเรศวร "วีรกษัตริย์แห่งอโยธยา" )