สวัสดีครับ เกร็ดสาระจากจตุรัสวันนี้ เสนอเรื่อง "การแต่งกายในยุคกรุงสุโขทัย" ครับ
คุณผู้ฟังได้ฟังละครวิทยุอิงประวัติศาสตร์เราแล้ว คงจะจินตนาการตาม แต่บางท่านก็ยังนึกไม่ออกว่า คนในสมัยสุโขทัย เค้ามีรูปร่างลักษณะการแต่งกายเป็นอย่างไร ลองจินตนาการตามเราไปดูกันนะครับ
การแต่งกายบุรุษในสมัยสุโขทัย
ทรงผมมีหลายแบบครับ
๑. พระเจ้าแผ่นดิน ไว้ผมยาวมุ่นมวยไว้กลางศีรษะ มีปิ่นปักหรือผ้าพันหรือโพกผ้า หรือประดับมงกุฎที่มีกรอบพระพักตร์หรือยอดแหลมตามยศศักดิ์
๒. พระเจ้าแผ่นดิน เกล้าผมเป็นห้าเกล้า โดยแต่ละเกล้าจะไว้ปลายปมห้อยลงไปข้างหลัง
๓. เจ้านาย ทำผมแสกกลางรวบผมไว้ตรงท้ายทอย มีห่วงหรือเกี้ยวคล้อง
๔. เกล้ามวย มีดอกไม้ทองสนอบเกล้า จุฑาทอง ประวิตรทอง ธุรำทองประดับ เมื่อทำพิธีมงคลจะแต่งผมโดยใช้ใยชุมแสง(ต้นชุมแสง : สมุนไพรชนิดหนึ่ง ช้างในป่าชอบกินใบ รักษาโรคผิวหนังได้ดี) แซมซ้องผมทัดใบพฤกษาเวฬู หากประกอบพิธีพิรุณศาสตร จะสยายผมสำหรับอ่านโองการ
๕. ทหาร เกล้าผม สวมหมวกทรงกลม ด้านหลังมีชายผ้าปิดคอ หรือสวมหมวกชีโบ
๖. สามัญชน ไว้ผมยาว แสกรวบไว้ที่ท้ายทอย มีห่วงกลมคล้องตรงที่รวบ หรือไว้ผมสั้นหรือเกล้าผมเป็นมวยเหนือศีรษะ มีผ้าโพกมวย
๗. เด็ก ไว้ผมจุก มีผ้าพันหรือมีปิ่นปักผม มีพริกเทศห้อยกับสายคาดเอวคตขึ้น นุ่งกางเกงหรือโจงกระเบน
เครื่องนุ่งห่ม
๑. สามัญชนไม่สวมเสื้อ หรือ หากสวมเสื้อ จะเป็นเสื้อแขนยาวผ่าอก มีผ้าคล้องไหล่ บุรุษชั้นสูงจะใช้ผ้าขาวเนื้อละเอียดมาห่ม พาดบ่าหรือพาดไหล่ทั้งสองในการสมาทานศีลและกราบไหว้ด้วยผ้าเล็กหลก ส่วนศีรษะนั้น จะมีผ้าโพกและผ้าทรงที่นิยมอบด้วยเครื่องหอม(ธูปกำยาน) ก่อนนำมาใช้ หรือสวมเสื้อแขนสั้นคอสี่เหลี่ยม นุ่งกางเกงครึ่งน่อง แล้วนุ่งผ้าถกเขมร หรือหยักรั้งทับกางเกงอีกที ต่อมาประยุกต์เป็นนุ่งสั้นและทิ้งหางเหน็บ เรียกว่า กระเบนเหน็บ หรือนุ่งแบบโรยเชิง หรือนุ่งโจงกระเบนแบบสั้น มีผ้าคาดเอ็ว
๒. พระเจ้าแผ่นดิน ทรงผ้าโจงกระเบนทับสนับเพลาคาดผ้าจีบที่บั้นเอวที่ทิ้งชายเป็นจีบอยู่ด้านหน้า แล้วคาดทับด้วยปั้นเหน่งหรือเข้มขัดเส้นใหญ่ หรือ ทรงสวมสนับเพลาขายาวหรือขาสั้นเหนือเข่า มีผ้าคาดเอว ดึงชายผ้ายาวเป็นจีบอยู่ด้านหน้า ส่วนผ้าพาดไหล่ มีหลากสี นิยมพาดคล้องให้ชายผ้าไปด้านหลัง หรือพาดบ่าข้างเดียว
การแต่งกายสตรีในสมัยสุโขทัย
๑. ไว้ผมเกล้าเป็นมวยกลางศีรษะ มีพวงดอกไม้หรือพวงมาลัยสวมรอบมวย
๒. ไว้ผมแสกกลางโดยรวบผมไว้ท้ายทอย มีเกี้ยวหรือห่วงกลมรัดตรงที่รวบผม
๓. เกล้าเป็นมวยไว้กลางศีรษะเหนือท้ายทอยขึ้นมา นิยมตกแต่งด้วยช้องผม และเสียบด้วยช่อดอกไม้ หรือพวงมาลัยสวมรอบมวยผม หากเป็นสตรีสูงศักดิ์ประดับศีรษะด้วยลอมพอก มีกรอบพระพักตร์หรือมงกุฎ
๔. ไว้ผมยาวประบ่า
๕. เด็ก ไว้ผมจุก มีผ้าพันหรือมีปิ่นปักผม มีจับปิ้งปิดอวัยวะเพศ เมื่อโตขึ้นจึงนุ่งผ้าซิ่น สวมเสื้อคอกลม
เครื่องนุ่งห่ม
๑. สตรีสูงศักดิ์สวมเสื้อรัดรูป แขนทรงกระบอกและห่มผ้าสไบเช่นเดียวกับสตรีที่ยังไม่แต่งงาน
๒. สามัญชน นุ่งผ้าซิ้นหรือผ้าถงยาวกรอมถึงข้อเท้า ผ้านุ่งทอจากฝ้ายไหม ยกดอกสีต่างๆ เช่น สีดำ แดง ขาว เหลือง เขียว ชื่อของผ้ามีหลายชื่อ เช่น สุพรรณพัสตร์ ลิขิตพัสตร์ จินะพัสตร์ ตะเลงพัสตร์ เทวครี นุ่งซิ่นตรงเอว หรือต่ำกว่าเอวลงมา คาดด้วยผ้าที่มีรอยจีบโดยห้อยปล่อยชายขมวดด้านหน้าลงมา ใช้ทั้งเข็มขัดและผ้าคาดเอวผูกแบบเหน็บชายพก สตรีที่แต่งงานแล้วมักรัดผ้าพับรอบอก หรือมักไม่ใส่เสื้อ
๓. สตรีทั้งสูงศักดิ์และสามัญชนนิยมเขียนคิ้ว แต่งเล็บ ไว้เล็บและลูบผมด้วยน้ำมันงา
เครื่องประดับ
บุคคลชั้นสูงนิยมใช้เครื่องประดับที่ทำด้วยทองคำ ถม เงิน และอัญมณี ๗ สี เช่น ศิราภรณ์ ตุ้มหู แหวน สำหรับสตรีชั้นสูง มีทองปลายแขน แหวน ศิราภรณ์(เครื่องสวมศีรษะ) กรองศอ(เครื่องสวมคอ) กำไลข้อมือ ตุ้มหู ปั้นเหน่ง(สำหรับปั้นเหน่งนิยมทั้งสามัญชนและสูงศักดิ์)
เครื่องหอม
ใช้กระแจะ จวงจันทน์ น้ำมันหอมผัดหน้าและลูบตัวด้วยแป้งสารภี
จะเห็นว่า การแต่งกายสมัยสุโขทัยจะไม่ค่อยมีพัฒนาการที่รวดเร็วเท่าใดนักครับ ต่างกับสมัยนี้ ด้วยการพัฒนาการมักมีสาเหตุมาจากการคมนาคม สมัยโบราณ จะติดต่อกันที เดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่ง ซึ่งอาจห่างกันเพียงไม่กี่สิบกิโลเมตร ก็จะต้องเดินทางกันไปเป็นวันๆ แต่ในยุคนี้ แค่โทรศัพท์กรี๊งเดียวก็ถึงกันแล้ว และยิ่งในโลกโซเชียลมีเดียด้วยแล้ว แค่ปลายนิ้วสัมผัสเพียงคลิ๊กเดียว ก็กระจายกันไปทั่วโลก การสื่อสารที่รวดเร็ว เมื่อมีใครเปลี่ยนการแต่งตัวหรือทำผม ก็จะมีการเลียนแบบกันต่อไปอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อมีการสื่อสาร การคมนาคม การติดต่อกันไปมาที่ช้า ก็จะมีพัฒนาการในการแต่งตัวที่ช้าไปด้วย ทั้งนี้ ก็รวมถึงการพัฒนาการทางภาษา ฯลฯ ด้วยครับ
ติดตามเกร็ดสาระจาก "จตุรัส" กันต่อไปนะครับ
รอดูกันต่อไปว่า ผมจะนำเอาเกร็ดอะไรมาฝากกันอีกครับ
เครดิต: ภาพเขียนเลียนแบบจาก กรมศิลปากร ๒๕๑๑ : ๗๐, ๗๒, ๗๕, ๗๙, ๘๑